แอปพลิเคชัน หรือ ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า แอป คือซอฟต์แวร์ที่ให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้า และช่วยลูกค้าทำงานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง

แอปพลิเคชัน สามารถแบ่งประเภทได้ตามวิธีการพัฒนาและการทำงานภายใน

  • เว็บแอป เป็นแอปที่ต้องเปิดผ่านอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งลงบนอุปกรณ์ของตน
  • แอปแบบดั้งเดิม จะถูกสร้างขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์ประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นที่เหมาะสมบนอุปกรณ์ที่ต้องการ
  • แอปแบบไฮบริด คือ แอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมที่มีเว็บเบราว์เซอร์ฝังอยู่ภายใน

เหตุใดจึงมีแอปพลิเคชันประเภทต่างๆ มากมาย 

การพัฒนาโปรแกรมนั้น เริ่มต้นพร้อมๆ กับการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ เมื่อเดสก์ท็อปและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นเพียงอุปกรณ์เดียวที่มีอยู่ บริษัทต่างๆ จึงติดตั้งแอปพลิเคชันภายในองค์กรหรือในศูนย์ข้อมูลของบริษัทเพิ่มเติม และส่งมอบฟังก์ชันการทำงานผ่านเครือข่ายขององค์กร ซึ่งแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ในยุคแรก จะใช้สถาปัตยกรรมฝั่งไคลเอ็นต์ โดนมีเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรทำหน้าที่จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลจากส่วนกลาง และผู้ใช้ต้องติดตั้งแอปไคลเอ็นต์แบบแยกต่างหากบนอุปกรณ์ของตนเอง โดยแอปไคลเอ็นต์ดังกล่าวจะสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์

แอปไคลเอ็นต์เวอร์ชันต่างๆ นั้น ต้องได้รับการพัฒนาและติดตั้งสำหรับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องในระบบ Windows ต้องการเวอร์ชันที่แตกต่างจากเครื่องระบบ Linux

วิวัฒนาการของเว็บแอปและแอปมือถือ 

ด้วยการเติบโตของอินเทอร์เน็ต ทำให้เซิร์ฟเวอร์และไคลเอ็นต์สามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก เว็บแอปพลิเคชันจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากขึ้น และมอบความยืดหยุ่นที่มากกว่า โดยแทนที่จะติดตั้งแอปไคลเอ็นต์ ผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรงจากเบราว์เซอร์ ในขณะเดียวกัน การพัฒนาอุปกรณ์มือถือ ก็ทำให้เกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ สำหรับการส่งมอบแอปพลิเคชันมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกมากขึ้นในการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของซอฟต์แวร์โดยที่พวกเขาสามารถใช้งานผ่านเบราว์เซอร์หรือติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ที่พวกเขาเลือกได้

ตัวอย่างเช่น:

  • เว็บแอปสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานบนเบราว์เซอร์
  • แอปพลิเคชันของ Windows และ macOS สำหรับผู้ใช้เดสก์ท็อป
  • แอปของ Android สำหรับประเภทอุปกรณ์มือถือ Android
  • แอป iOS สำหรับอุปกรณ์ iOS

สรุป ควรเลือกใช้เว็บแอป แอปแบบไฮบริด หรือแอปแบบดั้งเดิมเมื่อใด 

บริษัทขนาดใหญ่มากมายจำเป็นต้องใช้การผสมผสานระหว่างแอปแบบดั้งเดิม แบบไฮบริด และเว็บแอปเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยในการเลือกประเภทแอปที่ดีที่สุดสำหรับกรณีการใช้งาน เราสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่อไปนี้

  1. เวลาออกสู่ตลาด – ธุรกิจสตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้นมักเลือกใช้เว็บแอปเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติน้อยที่สุดสำหรับลูกค้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแอปแบบดั้งเดิมและแอปแบบไฮบริดจะต้องใช้เวลา การวางแผน และความพยายามที่มากกว่าในการเปิดใช้งาน
  2. เงื่อนไขของลูกค้า – ผลิตภัณฑ์และบริการบางอย่างมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่ใช้แอปมือถือเป็นประจำในการทำงานของพวกเขา ในกรณีนี้ แอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมจะเป็นที่ต้องการมากกว่าแบบไฮบริดและเว็บแอป
  3. กลยุทธ์การตลาด – สำหรับบางบริษัท โปรเจกต์การพัฒนาแอปของพวกเขามักจะมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเป้าหมายทางการตลาด พวกเขาจึงใช้เว็บแอปแบบโปรเกรสซีฟเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และได้รับมาซึ่งจำนวนการลงทะเบียนครั้งแรก เว็บแอปอาจมีฟังก์ชันการทำงานแบบจำกัดหรือการให้ทดลองใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบฟรีในระยะเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นบริษัทจึงใช้แอปมือถือแบบดั้งเดิมหรือแบบไฮบริดเพื่อพัฒนาประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
  4. ความซับซ้อน – ในบางกรณี ฟังก์ชันการทำงานของแอปบนอุปกรณ์มือถืออาจมีความซับซ้อนมากเสียจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพัฒนาแอปแบบไฮบริดหรือแอปแบบดั้งเดิมเพื่อให้รองรับกับเงื่อนไขต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น แอปธนาคารบนมือถือ จำเป็นต้องมีฟีเจอร์แบบดั้งเดิมเพื่อคงไว้ซึ่งฟีเจอร์การอนุญาตด้วยลายนิ้วมือ เป็นต้น

ที่มา : aws.amazon.com/th

Click Subscribe and start your journey with us today!

โซเชียลมีเดียของเรา

Click Subscribe and start your journey with us today!

โซเชียลมีเดียของเรา

เทคโนโลยี

รู้จักกับเทคโนโลยี PWA

เทคโนโลยี

รู้จักกับเทคโนโลยี PWA

Click Subscribe and start your journey with us today!

โซเชียลมีเดียของเรา