ปี 2026 จะเป็นปีที่เทคโนโลยีเชิงวิศวกรรมซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐานเปลี่ยนจากการทดลองสู่การใช้งานเชิงรุกในระดับองค์กร — โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการปฏิวัติ AI, การแยกงานไปสู่ขอบเครือข่าย (edge), และการออกแบบระบบที่ยืดหยุ่น (modular & serverless) บทความนี้จะสรุปแนวโน้มสำคัญ 10 ประการ และชี้ผลกระทบเชิงปฏิบัติการที่ทีมพัฒนาควรเตรียมตัว

  1. เครื่องมือพัฒนาแบบ AI (AI-Powered Development Tools)

ภาพรวม: เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดและตัวช่วยอัจฉริยะ (AI copilots/agents) กลายเป็นมาตรฐานสำหรับนักพัฒนา — ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เสริม แต่กลายเป็นช่องทางหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพ ตั้งแต่การสร้างโค้ดตัวอย่าง อัตโนมัติการทดสอบ ไปจนถึงการวางแผนงานโดย AI agents. ข้อมูลการใช้งานล่าสุดชี้ว่าแพลตฟอร์มอย่าง GitHub Copilot มีการยอมรับในวงกว้างและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเวิร์กโฟลว์สำหรับนักพัฒนาจำนวนมาก.

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ทีมควรทดสอบและตั้งแนวทางการใช้งาน (governance) ของ AI tools — รวมถึงนโยบายด้านข้อมูล ความเป็นเจ้าของโค้ด และการประเมินคุณภาพที่เกิดจากผลลัพธ์ของ AI

  1. การเติบโตของ Low-Code / No-Code สำหรับองค์กรและโปรเจกต์ AI

ภาพรวม: เทคโนโลยี low-code/no-code ขยายขอบเขตจากแอปธุรกิจพื้นฐานไปสู่การประกอบระบบที่ผสานโมเดล AI — ทำให้ฝ่ายธุรกิจสามารถสร้างโซลูชันเฉพาะทางได้เร็วขึ้นโดยไม่พึ่งพาทีมวิศวกรรมเต็มรูปแบบ ตลาดเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการพยากรณ์การใช้งานในระดับองค์กรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง.

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: องค์กรควรกำหนดแนวทางการรวม low-code กับสถาปัตยกรรมหลัก (integration patterns), ระบุมาตรฐานความปลอดภัย และแผนการยกระดับโค้ดที่สำคัญให้กลายเป็นโค้ดแบบมืออาชีพเมื่อต้องการสเกล

  1. DevSecOps กลายเป็นแนวคิดมาตรฐาน

ภาพรวม: การผนวกความปลอดภัยเข้ากับ DevOps (DevSecOps) ไม่ใช่เรื่องเลือกได้อีกต่อไป — กลายเป็นมาตรฐานการดำเนินงาน โดยมีเครื่องมือและกระบวนการที่เน้นการ shift-left security, automation ในการตรวจจับช่องโหว่ และการรวม security-as-code ใน pipeline. รายงานและสถิติหลายแห่งยืนยันการเติบโตและการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้น.

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ทีมต้องนำ security testing เข้าสู่ pipeline ตั้งแต่ต้น, ลงทุนในการสแกน IaC/containers/APIs อัตโนมัติ และฝึกอบรมทีมพัฒนาให้เข้าใจ threat modeling และ secure coding

  1. Cloud-Native Engineering สู่ยุค Serverless และ Modular

ภาพรวม: แนวคิด cloud-native ยังคงเติบโต โดยเทรนด์สำคัญคือการย้ายจาก VM/monolith ไปสู่ microservices ที่ออกแบบเป็นโมดูลและรันในรูปแบบ serverless มากขึ้น — ทำให้องค์กรต้องคิดในแง่ของการสังเกตการณ์ (observability), การจัดการ state และการบริหารค่าใช้จ่าย (cost optimization).

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: สถาปนิกระบบต้องออกแบบให้เป็น modular, วางแผนเรื่อง contract/API, และเตรียมเครื่องมือสำหรับ tracing/metrics/logs เพื่อควบคุมความซับซ้อน

  1. ระบบซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน

ภาพรวม: บล็อกเชนจะมีบทบาทเฉพาะทางมากขึ้น — เช่น การพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูล (auditable logs), การจัดการสิทธิ์และการชำระเงินอัตโนมัติ (smart contracts) ในโดเมนที่ต้องการความโปร่งใสและความเป็นเจ้าของข้อมูล เช่น ซัพพลายเชน การเงิน และการจัดการสิทธิ์ดิจิทัล แต่จะไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกปัญหาเนื่องจากข้อจำกัดด้านสเกลและความซับซ้อนของการบำรุงรักษา

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ใช้บล็อกเชนเฉพาะเมื่อคุณต้องการคุณสมบัติ immutability/consensus — พิจารณา hybrid approach (on-chain/off-chain) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

  1. Edge Computing เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ภาพรวม: การประมวลผลที่ขอบเครือข่าย (edge) ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับแอปที่ต้องการ latency ต่ำและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ เช่น ออโตโมทีฟ, IoT, และระบบตรวจจับภาพ AI — ตลาด edge กำลังเติบโตทั้งด้านฮาร์ดแวร์ (edge data centers, AI chips) และซอฟต์แวร์.

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ทีมควรออกแบบแอปที่รองรับการประมวลผลแบบกระจาย แยกงานที่ต้องประมวลผลบน edge จากงานที่ต้องรันบน cloud และเตรียมกลยุทธ์เรื่อง update/patch และ data-sync ระหว่าง edge ↔ cloud

  1. การส่งมอบซอฟต์แวร์ต่อเนื่องด้วย AI

ภาพรวม: AI จะเข้ามาช่วยอัตโนมัติขั้นตอนใน CI/CD มากขึ้น — ตั้งแต่การตรวจจับบั๊กเชิงพฤติกรรม การแนะนำการแก้ไข ไปถึง autonomous validation และการตอบสนองอัตโนมัติเมื่อ pipeline มีปัญหา แนวคิดเช่น “autonomous validation” และ AI-driven pipelines เริ่มถูกทดสอบในสภาพแวดล้อมการผลิต.

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ปรับ pipeline ให้รองรับ feedback loop ของ AI, วาง guardrails เพื่อตรวจสอบการกระทำอัตโนมัติของ AI และกำหนด policy สำหรับ rollback/approval

  1. PWAs กลายเป็นตัวเลือกเพื่อประสบการณ์แอปที่ลื่นไหล

ภาพรวม: Progressive Web Apps (PWA) ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า — มอบประสบการณ์ใกล้เคียง native app โดยไม่ต้องพึ่งสโตร์มากนัก เหมาะสำหรับตลาดที่ต้องการการเข้าถึงตรงถึงผู้ใช้บนหลายแพลตฟอร์มและลดแรงงานบำรุงรักษาแยกหลายเวอร์ชันของแอป

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องเปิดตัวเร็วและต้องการ reach สูง — ให้พิจารณา PWA เป็นช่องทางหลัก และเสริมด้วย native wrapper เมื่อจำเป็น

  1. Quantum Computing เริ่มเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเฉพาะทาง

ภาพรวม: Quantum computing ยังคงเป็นเทคโนโลยีเชิงทดลองในเชิงธุรกิจทั่วไป แต่สำหรับบางโดเมน (เช่น optimization ขั้นสูง, เคมีเชิงคำนวณ, การเข้ารหัส) จะเริ่มเห็นการทดลองเชิงปฏิบัติการและบริการ quantum-assisted จากคลาวด์ ผู้พัฒนาที่ทำงานด้านนี้จะต้องเข้าใจ hybrid algorithms และ quantum-safe cryptography

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: ติดตามบริการ quantum-cloud ให้ดี — เริ่มทดลอง proof-of-concept ในปัญหาที่เหมาะสม และพัฒนาทักษะทีมด้าน quantum programming model (Qiskit, Cirq ฯลฯ)

  1. การพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างยั่งยืน ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

ภาพรวม: ความยั่งยืน (sustainable software engineering) ไม่ใช่แฟชั่นอีกต่อไป — เป็นตัวแปรเชิงธุรกิจ เพราะองค์กรเห็นความสำคัญของการลดการใช้พลังงานในคลาวด์, ออกแบบระบบให้ประหยัดทรัพยากร และรายงาน ESG ที่ชัดเจน แนวทางรวมถึงการวัด carbon footprint ของซอฟต์แวร์และการปรับสถาปัตยกรรมเพื่อลดการเรียกใช้งานที่ไม่จำเป็น

ข้อสรุปเชิงการลงมือทำ: เริ่มวัดและรายงานการใช้พลังงานของบริการ, ปรับนโยบาย deployment (เช่น schedule non-urgent jobs ในช่วงที่พลังงานสะอาดมีมาก), และออกแบบให้ software มีประสิทธิภาพ (efficient algorithms, caching, right-sizing)

บทสรุป — สิ่งที่ทีมพัฒนาควรทำในปี 2026

  1. นำ AI เข้าสู่ workflow แบบมีกรอบ (governed adoption) — ใช้เพื่อเพิ่ม productivity แต่ต้องควบคุมด้านความเป็นเจ้าของข้อมูลและความปลอดภัย
  2. ผสม low-code กับสถาปัตยกรรมมืออาชีพ — เพื่อสเกลและรักษาคุณภาพ
  3. ทำ DevSecOps ให้เป็นนิสัย — security checks ใน pipeline เป็นค่าเริ่มต้น
  4. ออกแบบระบบแบบ cloud-native, serverless & modular — เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความเร็วในการพัฒนา
  5. เตรียมรับ edge & AI-driven delivery — ออกแบบสถาปัตยกรรมที่รองรับการประมวลผลกระจายและ pipelines ที่มี AI ช่วยตรวจสอบ

ที่มา:

1.github.blog

  1. marketsandmarkets.com
  2. datadoghq.com
  3. thenewstack.io
  4. marketsandmarkets.com
  5. circleci.com

หากคุณต้องการให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์ สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดได้อย่างยั่งยืน เรายินดีให้คำปรึกษาในสิ่งที่คุณต้องการ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :Tel. 093 696 4498 Line OA: https://lin.ee/po8XduU

E-mail: mongkontep@pkindev.com

Inverz Solutions Co., Ltd. ได้รับรางวัลการันตีมากมาย