สำหรับเจ้าของธุรกิจทั่วไปที่มีความรู้ด้านการทำ Web App ไม่มากแต่ต้องการมี Web App เพื่อส่งเสริมธุรกิจ เมื่อมาติดต่อสร้าง Web App กับบริษัทผู้รับสร้างเว็บ ก็มักจะคิดไม่ตกหรือไม่เข้าใจว่า รูปแบบธุรกิจของตนเองนั้นเหมาะจะทำ Web App แบบไหน ระหว่างการทำแบบ Custom Made หรือแบบใช้ WordPress บทความนี้จึงขอเปรียบเทียบคุณสมบัติของการทำWeb App ทั้งสองลักษณะมาฝากกัน เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกทำ Web App ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

Custom Made Web คืออะไร

Custom Made Web นั้น เป็น Web App ประเภทที่สร้างโดยการเขียนโค้ด หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) ทุกส่วน โดยทุกองค์ประกอบภายใน Web App จะต้องเขียนโค้ดสร้างขึ้นมาทั้งหมด รวมทั้งการเดินระบบ หรือ Workflow ต่าง ๆ ก็ต้องพึ่งพาการเขียนโค้ดทั้งสิ้น

ข้อดีของ Web App ประเภท Custom Made:

  • สามารถเพิ่มฟีเจอร์ และฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และยืดหยุ่นได้ตามความสามารถ และความเชี่ยวชาญของผู้เขียนโค้ด
  • สามารถสร้าง Web App ที่เป็นเอกลักษณ์และเฉพาะตัวได้มาก
  • สามารถได้รับคะแนนพิเศษ และความไว้วางใจจาก Google หากทำ SEO ด้วย Web App ประเภท Custom Made
  • ดูแลโครงสร้างต่าง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะ Page Speed ที่สามารถควบคุมได้ง่ายมากกว่าการสร้าง Web App ประเภทอื่น ๆ
  • หากผู้เขียนโค้ดมีความเชี่ยวชาญมากพอ จะสามารถเขียนโค้ดเพื่อป้องกันการโจรกรรมทางดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

ข้อจำกัดของการทำ Web App แบบ Custom Made:

  • มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าการทำ Web App แบบ WordPress หรือ Template Website อื่น ๆ
  • จำเป็นต้องมีทีม IT หรือจ้างบริษัทดูแล Web App ระยะยาว เพื่อดูแลระบบต่าง ๆ
  • ความผิดพลาดในการเขียนโค้ดแม้แต่นิดเดียวจะทำให้ Web App เกิดบัค และการแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างมาก

Web App CUSTOM MADE เหมาะกับ:

  • ธุรกิจที่ต้องการสร้างอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับ Web App
  • ธุรกิจประเภท Market Place ขนาดใหญ่ ที่มีระบบที่ค่อนข้างซับซ้อนและหลากหลาย
  • บริษัทที่มีทีม IT ที่เชี่ยวชาญรองรับ

Web App แบบใช้ WordPress หรือ Template Web App คืออะไร

หลายท่านอาจจะทราบหรือและรู้จัก WordPress กันมาบ้างแล้ว โดย WordPress เป็น Template ยอดนิยม ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากในปัจจุบัน ซึ่งคุณสมบัติสามข้อหลัก ๆ ที่ทำให้ WordPress เป็นที่นิยมนั้นก็คือ WordPress Core, Theme และ Plugin 

ข้อดีของการทำ Web App แบบ WordPress:

  • มีค่าใช้จ่ายในการสร้างค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับ Custom Made Web App
  • ใช้งานง่าย สามารถเรียนรู้วิธีการสร้าง ไปจนถึงการดูแลระบบหลังบ้านเบื้องต้นเองได้ไม่ยาก
  • มี Plugin ส่งเสริมการทำ SEO และ Workflow หลังบ้านให้ใช้งาน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการดูแล และจัดการ Web App ได้อย่างมากมาย
  • มี Theme Website ให้เลือกใช้ ทำให้การออกแบบโครงสร้างเว็บในเบื้องต้นไม่ต้องคิดเองใหม่ตั้งแต่ต้น

ข้อจำกัดของทำ Web App แบบ WORDPRESS:

  • จัดการเรื่อง Page Speed ได้ยาก เนื่องจากการใช้ Plugin และ Extension ต่าง ๆ ล้วนต้องใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์ในการจัดเก็บ
  • Web App ไม่มีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว รูปแบบจะคล้าย ๆ กับ Web App ที่ใช้ WordPress ด้วยกันทั่วไป
  • การจัดการไม่ยืดหยุ่น และไม่เป็นอิสระมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับ Custom Made Web App
  • บัคบางอย่างอาจแก้ได้ยาก หรือแก้ไม่ได้ หากเกิดจากระบบของ Plugin 

Web Appแบบ WORDPRESS เหมาะกับ:

  • ธุรกิจขนาดเล็ก หรือกลางที่มีงบประมาณในการสร้างเว็บไม่สูงมาก
  • ธุรกิจประเภท E-Commerce ประเภทร้านค้าเดี่ยว เนื่องจากมี Plugin ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย
  • Web App ที่มี Workflow ไม่ซับซ้อนมาก
  • ผู้ที่ต้องการสร้างWeb Appด้วยตนเองในเบื้องต้น 

บทสรุป

จากคำอธิบาย และข้อดี ข้อจำกัดของ Web App ทั้งสองแบบที่กล่าวมา คุณก็คงจะพอพิจารณาได้แล้วว่า การทำ Web App ทั้งสองรูปแบบนั้น มีข้อดี ข้อด้อย และความเหมาะสมของรูปแบบ Web App ที่แตกต่างกัน จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าของธุรกิจด้วยว่า คุณควรเลือกสร้าง Web App แบบใด อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกใช้บริการสร้าง Web App จากบริษัทผู้รับสร้างมืออาชีพ คุณก็จะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ 

ที่มา: 1001click.com

หากคุณต้องการให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์ สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดได้อย่างยั่งยืน เรายินดีให้คำปรึกษาในสิ่งที่คุณต้องการ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :

Tel. 093 696 4498 Line OA: https://lin.ee/po8XduU

E-mail: mongkontep@pkindev.com

Inverze Solutions Co., Ltd. ได้รับรางวัลการันตีมากมาย