
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ของการเซิร์ชนั้น คุณจำเป็นต้องทำ SEO และหลักสำคัญของการจะทำให้ SEO ประสบความสำเร็จ การใช้ Keyword ที่เหมาะสมนับเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะละเลยไม่ได้เลย ดังนั้น เนื้อหาของบทความนี้ เราจะกล่าวถึงการวิจัย Keyword ว่ามีความสำคัญต่อการทำ SEO ให้สำเร็จได้อย่างไร
การวิจัยคีย์เวิร์ดคืออะไร?

การวิจัยคีย์เวิร์ด คือ กระบวนการค้นหาและวิเคราะห์คำค้นหาที่ผู้ใช้งานป้อนใน Google, Bing ฯลฯ โดยมีเป้าหมาย คือ “การหาคำที่มีศักยภาพ” เพื่อดึงทราฟฟิกแบบออร์แกนิกมายังเว็บไซต์ ซึ่งเป็นรากฐานของกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ โดยการวิจัยคีย์เวิร์ด ช่วยให้:
- เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย รู้ว่าพวกเขาสนใจอะไร กำลังมองหาอะไร และใช้คำค้นหาใด
- สร้างเนื้อหาที่ตรงใจ สร้างสรรค์บทความ วิดีโอ หรือคอนเทนต์อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่ม Traffic แบบ Organic ดึงดูดผู้เข้าชมที่สนใจเนื้อหาของคุณเข้ามาสู่เว็บไซต์โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
- ปรับปรุงอันดับการค้นหา เพิ่มโอกาสในการติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา เพิ่มการมองเห็นที่มากขึ้น
- เอาชนะคู่แข่ง วิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งของคุณใช้ และวางกลยุทธ์เพื่อให้เหนือกว่า
ประเภทของคีย์เวิร์ด:

- Short-tail keywords: คำค้นหาทั่วไปที่มีการแข่งขันสูง เช่น “SEO” หรือ “การตลาดดิจิทัล”
- Long-tail keywords: วลีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น “วิธีทำวิจัยคีย์เวิร์ดสำหรับ SEO” ซึ่งมีปริมาณการค้นหาน้อยกว่าแต่มีความตั้งใจสูงกว่า
- Primary keywords: คำหลักหลักที่ต้องการให้เนื้อหาหรือหน้าเว็บไซต์ติดอันดับ
- Secondary keywords: คำค้นหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคำหลัก
- Zero volume keywords: คำค้นหาที่เครื่องมือ SEO ประเมินว่ามีปริมาณการค้นหาเป็นศูนย์ แต่สามารถสร้างทราฟฟิกได้หากใช้ในกลยุทธ์ SEO อย่างเหมาะสม
- Seed keywords: คำค้นหาพื้นฐานที่ใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการวิจัยคีย์เวิร์ด
ความสำคัญของการวิเคราะห์เจตนาการค้นหา (Search Intent)
การเข้าใจเจตนาของผู้ค้นหาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก:

- Informational: ผู้ใช้ต้องการข้อมูลหรือความรู้
- Navigational: ผู้ใช้ต้องการเข้าถึงเว็บไซต์หรือหน้าที่เฉพาะเจาะจง
- Transactional: ผู้ใช้มีความตั้งใจที่จะดำเนินการบางอย่าง เช่น การซื้อสินค้า
- Commercial: ผู้ใช้กำลังพิจารณาหรือเปรียบเทียบสินค้า/บริการก่อนตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ การจับคู่เนื้อหากับเจตนาการค้นหาที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงอันดับในผลการค้นหา แต่ยังสามารถเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ได้อีกด้วย
เครื่องมือยอดนิยมในการวิจัยคีย์เวิร์ด
ตัวอย่างเครื่องมือที่ช่วยในการวิจัยคีย์เวิร์ดได้แก่:
– Google Keyword Planner (ฟรี)
– Ahrefs, SEMrush, Moz (โปร)
– Clearscope: ดีสำหรับวิเคราะห์คำที่ควรใช้ในบทความ
วิธีเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
เราสามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมได้โดยสามารถพิจารณาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้
- ปริมาณการค้นหา: มีผู้คนค้นหาคำนี้มากแค่ไหน
- ความยากของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty): ยากแค่ไหนที่จะทำให้คีย์เวิร์ดนี้ติดอันดับ
- การแข่งขัน (Competition): มีเว็บไซต์กี่แห่งที่พยายามติดอันดับด้วยคำเดียวกันนี้
ประโยชน์ของคีย์เวิร์ดที่ดี
- สามารถเพิ่มการมองเห็น (visibility) ของเว็บไซต์ ใน Google
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงจุด
- สามารถเพิ่มคุณภาพทราฟฟิก และ Conversion Rate ได้

การใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหา ควรแทรกคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติใน:
- Title Tag
- Meta Description
- หัวข้อ (H1, H2…)
- Alt Text (สำหรับรูปภาพ)
ข้อควรระวัง: อย่าใส่คีย์เวิร์ดแบบ “ยัดๆ” หรือไม่เกี่ยวข้อง (Keyword Stuffing)
กลยุทธ์คีย์เวิร์ด (Keyword Strategy)
ควรมีแผนที่ชัดเจนว่า:
- จะใช้คีย์เวิร์ดไหนบ้าง
- เพื่อเป้าหมายอะไร (ทราฟฟิก, conversion, awareness ฯลฯ)
- ควรอัปเดตกลยุทธ์เป็นประจำตามเทรนด์และพฤติกรรมผู้ใช้
นอกจากนี้ การอัปเดตกลยุทธ์คีย์เวิร์ดอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มการค้นหาและพฤติกรรมของผู้ใช้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์คีย์เวิร์ดอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหายังคงสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้และอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา
ที่มา: clearscope.io, bizsoft.co.th
หากคุณต้องการให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์ สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดได้อย่างยั่งยืน เรายินดีให้คำปรึกษาในสิ่งที่คุณต้องการ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
Tel. 093 696 4498 Line OA: https://lin.ee/po8XduU
E-mail: mongkontep@pkindev.com
Inverze Solutions Co., Ltd. ได้รับรางวัลการันตีมากมาย